ลดเลือนริ้วรอยด้วยไฮยาลูโรนิคเอซิด (Hyaluronic Acid)
เติมความงามให้สมบูรณ์แบบด้วย Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด)
เพราะธรรมชาติของผิวเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา จากรูปหน้าที่เคยเป็น V-Shape กลับหย่อนคล้อยกลายเป็น U-Shape ซึ่งสารHyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) จึงถูกคิดค้นมาเพื่อเรียกคืนความอ่อนเยาว์ให้กับทุกคน ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมยอดนิยมที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้ เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยแห่งวัย ร่องลึกบนใบหน้า ทั้งบริเวณหน้าผาก ร่องจมูก ร่องแก้ม พร้อมฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง เปลี่ยนสภาพใบหน้าที่ผันแปรไปตามเวลาให้กลับมาดูอ่อนกว่าวัยได้อย่างเป็นธรรมชาติ และปลอดภัย
อายุเปลี่ยน ผิวก็เปลี่ยน
สุขภาพผิวก็ไม่ต่างจากสุขภาพกาย ที่เมื่ออายุมากขึ้นก็ต้องเสื่อมสภาพลงเป็นธรรมดา โดยเฉพาะกับผิวหน้า ยิ่งเวลาล่วงเลย องค์ประกอบสำคัญของโครงสร้างผิวอย่างคอลลาเจนและไฮยาลูโรนิค แอซิด ยิ่งลดลงทำให้ผิวที่เคยแข็งแรง ยืดหยุ่น กระชับ และชุ่มชื่น แปรเปลี่ยนสภาพไปอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้ผิวบอบบาง อ่อนแอ ผิวแห้งเหี่ยว หย่อนคล้อย จนกลายเป็นร่องลึกตามบริเวณต่างๆของใบหน้า นอกจากนี้ยังกระทบต่อความหนาแน่นของเซลล์ผิวทั่วใบหน้าอีกด้วย
ความหนาแน่นของเซลล์ผิวหนังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้ผิวหน้ามีความเต่งตึง กระชับ แต่เมื่อเซลล์ไขมันใต้ผิวหนังลดลงและกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ ทำให้บางตำแหน่งมีมากขึ้น เช่น ใต้คาง แก้ม ถุงใต้ตา และบริเวณโหนกแก้ม ซึ่งส่งผลให้ใบหน้าดูหย่อนคล้อยมากขึ้น แต่จำนวนเซลล์ไขมันก็กลับน้อยลง (Fat Loss) เช่น รอบดวงตา หน้าผาก รอบคาง เมื่อมองโดยภาพรวมแล้วจะเห็นได้ชัดว่า โครงหน้าทั้งหมดดูแปรเปลี่ยนไป โดยส่วนหนึ่งก็อาจเกิดจากปัจจัยภายนอกอย่างแรงโน้มถ่วงโลกและมวลกระดูกที่เสื่อมลง ร่วมด้วย ดังนั้น เพื่อหยุดการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าหรือคงทรงหน้าให้เหมือนวัยเยาว์ จึงต้องอาศัยนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้าช่วย ซึ่ง Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงในการแก้ไขปัญหาผิว ด้วยหลักการทำงานที่สามารถทดแทนได้ทั้งคอลลาเจนและไฮยาลูโรนิค แอซิด ให้คุณมั่นใจว่า ความงดงามดั่งสาวรุ่นจะกลับมาหาคุณอีกครั้ง
Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) แก้ไขทุกปัญหาผิวเสื่อมสภาพในนวัตกรรมเดียว
Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) เป็นนวัตกรรมที่ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ตามบริเวณต่างๆของใบหน้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยลักษณะคล้ายเนื้อเจลใส สามารถฉีดเข้าไปดูแลปัญหาร่องลึก ริ้วรอยในชั้นผิวหนังหรือใต้ผิวหนังได้เป็นอย่างดี โดยมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยคืนความอ่อนเยาว์โดยเติมความสมบูรณ์คืนสู่ผิว นอกจากจะช่วยแก้ไขริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา ร่องแก้ม ร่องหน้าผาก หรือแม้แต่มุมปากแล้ว ยังสามารถใช้ในการปรับแต่งข้อบกพร่องทั่วบริเวณหน้าได้อีกด้วย เช่น การเติมร่องใต้ตาที่ลึก เติมริมฝีปากให้อวบอิ่ม เสริมคางให้ดูเรียวยาว เป็นต้น
ถึงแม้ว่า Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) จะมีคุณสมบัติในการแก้ปัญหาผิวหน้าได้หลากหลาย แต่ปัจจุบัน คนส่วนใหม่มักนิยมใช้ Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ในการลดเลือนริ้วรอยและปรับรูปหน้าเป็นหลัก
ริ้วรอยดูลดเลือนด้วย Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด)
จากที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่า Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) สามารถดูแลแก้ไขปัญหาผิวหน้าได้หลากหลาย แต่ส่วนใหญ่มักใช้ลดเลือนริ้วรอย เนื่องจากว่า Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) สามารถเข้าไปเติมคอลลาเจนที่หายไปจากผิว ทำให้ริ้วรอย ร่องลึก ดูตื้นขึ้น และลดเลือนลงจนหายไปในที่สุด นอกจากนี้ Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ที่ใช้ส่วนใหญ่จะช่วยเพิ่มน้ำให้ผิวจึงช่วยคืนความชุ่มชื่นให้ผิวไปด้วยในตัว ดังนั้น ไม่ว่าเวลาจะพรากผิวคุณภาพดีของเราไปแค่ไหน ก็สามารถเรียกคืนกลับมาได้ Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) จะช่วยฟื้นฟูผิวที่บ่งบอกอายุแก่เกินวัยหรือผิวที่บอบบาง ขาดความชุ่มชื่น ให้การเปลี่ยนแปลงของเวลาไม่สามารถทำอะไรใบหน้าเราได้
ปรับรูปหน้าให้ V-Shape ด้วย Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด)
นอกจากความสามารถในการลดเลือนริ้วที่ได้ดีแล้ว Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) สามารถเติมแต่งเข้าไปในผิวเพื่อการปรับรูปหน้าได้อีกด้วย โดยวิีธีการง่ายๆ คือ เติม Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) เข้าไปช่วยพยุงโครงกระดูกตามจุดต่างๆ ที่เกิดปัญหาชั้นเซลล์ไขมันลดจำนวนลง เพื่อพยุงผิวหน้าที่เคยหย่อนคล้อย ให้กระชับขึ้น ทำให้รู้สึกว่าโครงหน้าเปลี่ยนจาก U-Shape เป็น V-Shape อย่างชัดเจน
มากไปกว่านั้น Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ยังสามารถใช้แก้ไขจุดบกพร่องต่างๆบริเวณใบหน้าได้อีก เช่น การเติมร่องลึกใต้ตา ร่องแก้ม หรือเติมแก้มให้สำหรับผู้ที่แก้มตอบ หรือแม้กระทั่งเติมริมฝีปากให้อวบอิ่ม ตลอดจนถึงการฉีด Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) เพื่อเสริมจมูก เสริมคาง ถือว่าเป็นอีกทางเลือกที่ดีทางเลือกหนึ่งในการเติมเต็มความต้องการโดยไม่ต้องศัลยกรรม โดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่สามรถเสริมจมูกด้วยซิลิโคนได้ จึงถือเป็นโอกาสในการเสริมความงามที่ปลอดภัยและดูดีอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย
Sinota Clinic คัดสรร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) คุณภาพเพื่อผลประโยชน์สูงสุดสำหรับลูกค้า
ด้วยความตั้งใจที่จะดูแลลูกค้าอย่างดีที่สุด ทุกนวัตกรรมที่ Sinota Clinic เลือกใช้จึงมีแต่คุณภาพในระดับ Gold Standard ให้ลูกค้าทุกคนได้มั่นใจว่า Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ของที่ SINOTA CLINIC เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดี และเป็นของจริงเท่านั้น การันตีด้วยระบบ Warranty Card พิสูจน์ได้ว่าผลิตภัณฑ์แท้จากตัวแทนจำหน่ายโดยตรง นอกจากนี้เรายังให้ทุกท่านได้รับการดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดของคุณ ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราผ่านการศึกษา ฝึกฝนเรื่องการ Training การฉีดสาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) มาเป็นอย่างดี พร้อมทั้งยังมีศิลปะในการออกแบบใบหน้าให้เข้ากับแต่ละคน ให้คนไข้ทุกคนได้เป็นเจ้าของความสวยที่สุดในแบบของตัวเอง
เลือกใช้สาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ที่เหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ปัจจุบัน Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) มีหลายประเภท โดยแบ่งตามลักษณะดังนี้
1.ระยะเวลาที่ Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) หรือการสะสมอยู่ภายในร่างกายหลังฉีด ซึ่งแบ่งได้เป็น
– ชนิดชั่วคราว โดยเป็น Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ชนิดที่หลังจากฉีดเข้าสู่ร่างกายแล้วจะสามารถอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี หลังจากนั้นจะสลายไปเองตามธรรมชาติ
– ชนิดกึ่งถาวร เป็น Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ที่หลังจากฉีดเข้าสู่ร่างกายแล้วสามารถอยู่ในร่างกายได้นานประมาณ 2 ปี เช่น Calcium hydroxylapatite, Poly-L-lactid acid (PLLA)
– ชนิดถาวร เป็น Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ชนิดที่หลังจากฉีดเข้าร่างกายแล้ว จะสามารถอยู่ภายในร่างกายได้โดยไม่ถูกย่อยสลายไปตามกาลเวลา ได้แก่ ซิลิโคน หรือพาราฟิน แต่ ประเภทนี้อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวได้
2.สภาพของสาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ที่ร่างกายตอบสนองหลังจากฉีด สามารถแบ่งได้เป็น สารที่ร่างกายย่อยสลายได้เอง และสารที่ร่างกายย่อยสลายเองไม่ได้
3.แหล่งที่มาของสาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) โดยพิจารณาจากวิธีการสังเคราะห์หรือที่มาของการสกัดสาร สามารถแบ่งได้เป็น การสังเคราะห์ด้วยเทคโนโลยีชีวภาพเป็นการสกัดจากแบคทีเรีย สกัดจากสัตว์ สกัดจากมนุษย์คนอื่น และสกัดจากตัวผู้ที่ต้องการรักษาเอง
4.ชนิดของโมเลกุลที่เป็นองค์ประกอบของสาร เช่น คอลลาเจน Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ซิลิโคน แคลเซียมโฮดรอกซิลเลพพิไทท์ และสารสังเคราะห์โพลีเอคริลาไมด์
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนก็ตาม เพียงแค่คุณเลือกอย่างเหมาะสม ตามความต้องการที่แท้จริง คุณก็สามารถได้รับผลลัพธ์ความงามอย่างที่คุณต้องการได้แน่นอน
คุณสมบัติสำคัญของ Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ที่เป็นของแท้และได้มาตราฐาน
1. มีความปลอดภัยสูง เกิดอาการข้างเคียงจากยาน้อย
2. มีประสิทธิภาพสูง
3. ประสิทธิภาพของผลการรักษาคงที่ สามารถทำซ้ำแล้วยังคงให้ประสิทธิภาพของผลการรักษาเช่นเดิม
4. ต้องไม่เป็นพิษ หรือถูกร่างกายเปลี่ยนแปลงแล้วได้สารที่มีพิษ สารก่อมะเร็งหรือสารที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์
5. ไม่สามารถเคลื่อนที่หรือเป็นสารที่ไหลย้อยได้ ฉีดที่ตำแหน่งไหน ยังคงสภาพอยู่ที่ตำแหน่งนั้น
6. สามารถเข้ากับสภาพร่างกายของมนุษย์ได้ดี ไม่ก่อให้เกิดการแพ้
7. หลังจากฉีดแล้ว ควรคงสภาพอยู่ได้นานพอสมควร
8. ประสิทธิภาพที่ได้รับคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่าย
ศึกษาข้อมูลก่อนรับบริการ Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด)
การฉีด Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ให้ได้ผลในการรักษาเป็นที่น่าพอใจ แต่การใช้เวลาไม่นานในการฉีด อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดได้ อย่างที่เราเห็นเวลาที่เป็นข่าว ดังนั้นก่อนตัดสินใจ จึงควรพิจารณาปัจจัยสำคัญที่ทำให้การฉีดฟิลเลอร์ได้ประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุดก่อน ดังนี้
1. สาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) สำหรับประเทศไทยจะจัดอยู่ในประเภทของยา ดังนั้นการนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศจะต้องมีการขึ้นทะเบียนยากับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งประเทศไทย (อย.) ซึ่งสามารถเข้าไปดูรายชื่อของสาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนยาแล้วได้จาก https://wwwapp1.fda.moph.go.th/consumer/conframe.asp นอกจากนี้ ท่านสามารถขอดูผลิตภัณฑ์ที่จะนำมาใช้ฉีดให้แก่ท่านได้ โดยลักษณะของผลิตภัณฑ์จะต้องปิดสนิท ไม่มีรอยแกะก่อนจะถูกเปิดใช้ ต้องมีเลขทะเบียนยา วัน เดือน ปี ที่ผลิตและวันหมดอายุระบุไว้ข้างกล่องผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน ซึ่ง Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ที่ได้รับการรับรองจะมีโอกาสเกิดการแพ้ได้น้อย เนื่องจากมีการทดสอบการแพ้ในกระบวนการวิจัยยามาก่อนแล้ว
2. แพทย์ที่ทำการรักษา การฉีด Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) อย่างมากที่จะต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านและมีประสบการณ์ ทั้งนี้เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์แต่ละครั้ง แพทย์จะต้องประเมินบริเวณที่ต้องการฉีดตามหลักกายวิภาค ปริมาณสาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ที่ใช้เติม และเทคนิคการฉีดสาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด)ที่ถูกต้องและเหมาะสม เพื่อให้สามารถฉีด Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) เข้าในตำแหน่งที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ ลดโอกาสเสี่ยงที่จะถูกหลอดเลือดบริเวณที่ฉีดและบริเวณใกล้เคียง ซึ่งเป็นการลดภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะตามมาได้
3. ผู้ที่ต้องการฉีดสาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ควรมีการหาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ไว้ก่อน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ อย่างไรก็ตามท่านสามารถสอบถามข้อสงสัยเกี่ยวกับการฉีด Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) กับแพทย์ที่ทำการรักษาได้ นอกจากนี้ที่สำคัญจะต้องมีสภาพร่างกายที่พร้อมสำหรับการฉีด Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ด้วย โดยผู้ที่ห้ามฉีด Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ได้แก่ ผู้ที่เลือดออกง่าย ผู้ที่มีประวัติภูมิแพ้ที่มีอาการรุนแรงจนกระทั่งเกิด anaphylaxis shock ผู้ที่ตั้งครรภ์ เนื่องจากผู้ที่มีปัจจัยเหล่านี้จะมีโอกาสเสี่ยงสูงต่อการเกิดการแพ้หรือภาวะแทรกซ้อนหลังจากการฉีด Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด)ได้ จึงไม่แนะนำ
4. สถานที่ฉีด ต้องได้รับอนุญาตให้เปิดเป็นสถานพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย และควรมีเครื่องมือช่วยชีวิต กรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
การเตรียมตัวก่อนฉีด Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด)
ต้องงดรับประทานยาต้านเกล็ดเลือด ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาแก้ปวดอักเสบชนิดไม่ใช่เสตียรอยด์ วิตามิน หรืออาหารเสริมที่ส่งผลทำให้เลือดออกได้ง่าย และหยุดยาก เช่น ยาแอสไพริน (aspirin) วิตามิน E ขนาดสูง น้ำมันปลา (fish oil) สารสกัดจากใบแปะก๊วย อย่างน้อย 3-7 วัน ก่อนฉีด Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด)
วิธีการดูแลหลังการฉีด Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด)
1.หลังจากฉีด Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ไม่ควรสัมผัส กดหรือนวดแรงๆ บริเวณที่ฉีด เพราะอาจทำให้สาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) เคลื่อนตัวไปยังตำแหน่งที่ไม่ต้องการได้
2.หลังฉีด Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) อาจมีอาการปวดระบมบริเวณที่ฉีดได้ สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการประคบเย็น หรือรับประทานยาแก้ปวด หรือยาลดบวมได้
3.ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด กิจกรรมหรือการเล่นกีฬากลางแจ้ง กิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมา เนื่องจากอาจทำให้บริเวณที่ฉีดสาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) เกิดการระคายเคือง เกิดเป็นรอยแดงบริเวณที่ฉีดมากขึ้นได้
4.ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น การอบไอน้ำ หรือการอบซาวน่า หลังการฉีด Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด)อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เนื่องจากความร้อนอาจส่งผลต่อสาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ได้
5.สาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดี ดังนั้นการดื่มน้ำปริมาณมากจะทำให้สาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ดูดซับน้ำไว้ในผิวได้มากขึ้น ส่งผลให้สาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ที่ทำการเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกหรือเสริมเพื่อปรับรูปหน้าคงสภาพอยู่ได้นานยิ่งขึ้น และทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
6.หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอร์ หลังจากฉีด Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) อย่างน้อย 3 วัน
7.ท่านสามารถทาครีมบำรุงผิว แต่งหน้าได้ตามปกติ หลังจากฉีดสารHyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) อาจมีรอยเข็มเป็นจุดเล็กๆ เป็นรอยดแดงบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะหายได้เองภายใน 2-3 วัน หรืออาจเป็นรอยเขียวช้ำบริเวณที่ฉีดได้ ซึ่งจะค่อยๆจางหายได้เองภายใน 1 สัปดาห์ ดังนั้นในช่วงแรกๆที่ยังมีรอยเหล่านี้ ท่านสามารถใช้รองพื้น หรือคอนซิลเลอร์ เพื่อปกปิดรอยดังกล่าวได้
8.กรณีต้องการบำรุงผิวหน้าด้วยการทำ treatment อื่นๆ เช่น การกรอผิว การทำ AHA ลอกหน้าผลัดเซลล์ผิว ควรทำหลังจากฉีดสาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ หรือกรณีต้องการทำหัถตการบำรุงผิวด้วยการใช้เลเซอร์ หรือใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (RF) ควรทำหลังจากฉีด Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) อย่างน้อย 1 เดือน
9.งดรับประทานยาต้านเกล็ดเลือด ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาแก้ปวดอักเสบชนิดไม่ใช่เสตียรอยด์ วิตามิน หรืออาหารเสริมที่ส่งผลทำให้เลือดออกได้ง่าย เช่น ยาแอสไพริน (aspirin) วิตามิน E ขนาดสูง น้ำมันปลา (fish oil) สารสกัดจากใบแปะก๊วย
10.หลังจากฉีด Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) อาจคล้ำพบก้อนแข็งคล้ายยางใต้ผิวหนังบริเวณที่ฉีด ซึ่งก้อนดังกล่าวจะค่อยๆ นิ่มลงจนเป็นเนื้อเดียวกันกับผิวภายในระยะเวลา 5-7 วัน
11.กรณีฉุกเฉินที่ท่านควรติดต่อแพทย์ที่ทำการรักษาทันที โดยไม่ต้องให้ถึงวันนัด ได้แก่ มีอาการบวมแดงมากผิดปกติบริเวณที่ฉีด หรือสีของผิวหนังบริเวณที่ฉีดมีสีซีด หรือเปลี่ยนสีเป็นสีคล้ำขึ้นจนเป็นสีดำ โดยไม่ใช่เป็นรอยแดงหรือรอยเขียวคล้ำจากเข็มที่ฉีด
12.ปกติแพทย์ที่ทำการรักษาจะนัดติดตามอาการประมาณ 1-2 สัปดาห์ หลังจากฉีดสาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด)
อาการข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดหลังจากการฉีด Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด)
หากเราทำตามขั้นตอนที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ก็จะทำให้การฉีด Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) มีความปลอดภัย อาการข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนมีโอกาสเกิดได้น้อยลง อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาไว้ก่อน ว่าโอกาสเกิดอาการข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญมีอะไรบ้าง เพื่อเป็นข้อมูลในการสังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นหลังจากฉีดสาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ซึ่งจะทำให้เราสามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที โดยอาการข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนจากการฉีด Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) มีตั้งแต่ระดับไม่รุนแรงจนถึงระดับที่รุนแรงมาก หากปฏิบัติโดยแพทย์ผู้เชียวชาญที่ได้รับการฝึกฝน และมีความชำนาญสูง จะสามารถลดโอกาศการเกิด side effects หลังทำได้มาก
1.การเกิดจุดหรือรอยแดง หรือรอยเขียวช้ำจากเข็มที่ใช้ฉีดสาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ซึ่งอาการเหล่านี้ สามารถหายได้เอง
2.การเกิดรอยนูนขึ้นบริเวณที่ฉีดสาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) อาจเกิดจากการฉีดสาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ปริมาณมากเกินไป หรือฉีดตำแหน่งที่ตื้นเกินไป เป็นปัญหาที่พบบ่อย โดยเฉพาะบริเวณที่ร่องแก้มหรือใต้ตา
3.ปัญหาการไหลย้อยของ Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) เช่น ต้องการฉีดฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) เข้าที่ดั้งจมูกแต่ไหลไปที่ปลายจมูก
4.การเกิดเส้นเลือดฝอยแดงบริเวณที่ฉีด เกิดจากสาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ไปอุดตันในเส้นเลือดฝอย พบบ่อยเมื่อมีการฉีดสาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ที่ปลายจมูก
5.การอุดตันของทางเดินน้ำเหลือง พบได้เมื่อมีการฉีด Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) เติมร่องใต้ตา ทำให้ตาจะดูบวม คล้ายถุงใต้ตา
6.การอักเสบและติดเชื้อ มักพบในกรณีการฉีด Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ที่ปลายจมูกในจมูกที่มีแท่งซิลิโคนอยู่แล้ว ซึ่งแพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันหรือรักษาการติดเชื้อ หรือบางกรณีจำเป็นจะต้องเอาแท่งซิลิโคนออก
7.การเกิดเนื้อเยื่อข้างเคียงบริเวณที่ฉีดตาย เกิดจากสาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ไปอุดตันเส้นเลือดขนาดกลาง มักพบบริเวณปีกหรือร่องจมูก จากการเติมเต็มร่องแก้มหรือการฉีดเสริมจมูก
8.ตาบอด กรณีที่เป็นข่าวดังในหน้าหนังสือพิมพ์ สาเหตุเกิดจากสาร Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) ไปอุดตันบริเวณเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงจอประสาทตา
ทุกความงามที่คุณต้องการ คุณสามารถครอบครองได้อย่างง่ายในยุคสมัยที่มีเทคโนโลยีพร้อมอย่างปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาข้อมูลให้ดี เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่า การเติมความงามด้วย Hyaluronic Acid (ไฮยาลูโรนิค เอซิด) จะไม่นำความเสียหายมาให้ใบหน้าคุณในภายในหลัง และที่สำคัญการเลือกรักษากับสถานบริการคุณภาพและน่าเชื่อถืออย่าง Sinota Clinic จะช่วยให้คุณหมดห่วงเรื่องผลข้างเคียงไปได้มากเลยทีเดียว
เพราะปัญหาผิวพรรณและความงามทั่วเรือนร่างเป็นสิ่งสำคัญ ปรึกษา Sinota Clinic เพื่อมาร่วมเติมแต่งเอกลักษณ์ความงามของคุณให้เป็นที่จดจำ
สถานที่ให้บริการ
982/22 อาคารศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย ชั้น 5 โซนสำนักงาน ห้องเลขที่ 5111-5112 ถ.สุขุมวิท พระโขนง คลองเตย กทม.10110
โทร : 064-239-3291 (HOTLINE : 24 Hr.)
อีเมล์ : info@sinotaclinic.com
เวลาทำการ : ทุกวัน 10.00 – 19.00 น.