รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำด้วย Derma Light By Revlite

**ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำด้วย Derma Light By Revlite

เป็นเจ้าของผิวกระจ่างใสเหนือกาลเวลา ด้วย Derma Light เทคโนโลยีล่าสุดเพื่อการลดเลือนริ้วรอย ฝ้า กระ และจุดด่างดำ

ถ้าพูดถึงเรื่องอายุ แน่นอนค่ะว่าคงไม่มีใครอยากพูดถึงอายุจริงของตัวเองถ้าไม่จำเป็น โดยเฉพาะสำหรับสาวๆ บางคนแค่บอกว่าอายุขึ้นเลข 3 ก็รู้สึกว่าตัวเองแก่แล้ว ไหนจะปัญหาบนใบหน้าต่างๆ ที่พากันมาฟ้องให้หน้าดูแก่กว่าวัยอีก บางคนบอกขอให้ขึ้นเลข 6-7 ต่างหากถึงจะเรียกว่าแก่จริง แน่นอน ว่าแต่ละคนก็นิยามความแก่ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แต่รู้ไหม? ยุคนี้ความแก่เขาไม่ได้มองกันที่ตัวเลขอายุแล้วนะ แต่มองที่สภาพผิวต่างหากค่ะ เอางี้ ถ้าลองเปลี่ยนคำถามใหม่เป็น ผิวของเราเริ่มแก่ตั้งแต่อายุเท่าไร? หลายคนคงอึ้งกับคำถามนี้ไม่เบาใช่ไหม? ลองนึกในใจดูนะคะว่า ที่เราเริ่มเห็นว่าผิวไม่เต่งตึง มีริ้วรอยเหี่ยวย่น  ฝ้า กระ จุดด่างดำ ขึ้นมาทักทายเราครั้งแรกตั้งแต่อายุเท่าไร? เพราะจริงๆ แล้วการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ มันเกิดขึ้นภายใต้ผิวของเราโดยที่มองตาเปล่าไม่เห็นน่ะสิ แต่เมื่อถึงเวลาที่ผิวของเรายับยั้งจุดด่างดำ ฝ้า กระ ไม่ได้ก็จะเผยออกมาให้เห็นภายนอก ถึงเวลานั้นก็อาจสายเกินไปหรือไม่ก็ใช้เวลาฟื้นฟูที่มากกว่าเดิม ที่เราอยากจะบอกคือ ว่าเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยแวดล้อม การใช้ชีวิต ทำให้ใครหลายคนมีสภาพผิวแก่กว่าอายุจริงซะอีก! และด้วยการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน ทำให้ฝ้า กระ จุดด่างดำตลอดจนริ้วรอยบนผิวมีปริมาณและโอกาสเกิดที่ไม่เท่ากัน ทั้งยังมีเรื่องของกรรมพันธุ์ บางคนเกิดฝ้าและกระง่ายกว่าคนทั่วไปมาก อยู่เฉยๆ ก็ขึ้นมาเองซะงั้น บางคนมีโอกาสน้อย หรือบางคนมีฝ้าและกระขึ้นเฉพาะที่ เช่น คนไทยเชื้อสายจีน เป็นต้น ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีเลเซอร์ใหม่ๆ เกิดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาผิวมากมาย ‘Derma Light’ เองก็คือหนึ่งในเทคโนโลยีนั้น มาดูกันค่ะ ว่าทำไม Derma Light ถึงเรียกได้ว่าเป็นคำตอบสำหรับทุกปัญหาผิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ ดังนิยามที่ว่า “Derma Light and Sign of Aging”

สัญญาณที่บ่งบอกความแก่ของผิว

สัญญาณบ่งบอกความแก่ของผิว นอกจากฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอย แล้วยังมีอะไรอีกนะที่ผิวกำลังส่งสัญญาณบอกให้คุณรู้ตัว แต่คุณอาจไม่รู้ตัวก็ได้…

สัญญาณที่ 1 ผิวเริ่มแห้งกร้าน จากสภาพผิวนุ่มชุ่มชื่นตอนเป็นวัยรุ่น อยู่ดีๆ ก็เริ่มแห้งกร้านเป็นจุดๆ ขึ้นมาไม่เกรงใจเลยค่ะ บริเวณที่พบได้บ่อยสุดคือแก้มทั้งสองข้าง ยิ่งถ้าอยู่ในที่อากาศแห้งและเย็นเป็นประจำ เช่น สาวๆ ที่ทำงานออฟฟิศตากแอร์เย็นๆ หรือตอนหน้าหนาว นั่นแหละ ผิวของเราจะยิ่งแห้งตึงขึ้น แต่สาวๆ อย่างเราไม่ค่อยเอะใจกับสัญญาณข้อนี้กันหรอก เชื่อสิ

สัญญาณที่ 2 รูขุมขนกว้างขึ้น โห…แค่นึกภาพตามก็น่ากลัวแล้วค่ะ แต่เชื่อนะคะว่าสาวๆ หลายคนสังเกตเห็น แค่ไม่รู้ตัวว่านี่คือสัญญาณที่ผิวเริ่มบอกความแก่ชราให้เรารู้ตัวอย่างหนึ่ง แล้วเจ้ารูขุมขนที่กว้างขึ้นเนี่ยก็เป็นต้นเหตุสำคัญของสิวอุดตันที่น่าปวดหัวอีกนะคะ

สัญญาณที่ 3 ผิวดูหมองคล้ำ ทำม้ายทำไม ผิวถึงไม่กระจ่างใสเหมือนตอนวัยใสๆ เอาซะเลย ยิ่งเวลาออกแดดหรือกลางแจ้งนานๆ นะรู้เรื่องเลย ดูสิ ลองสังเกตดู จะเห็นผิวหมองคล้ำมากขึ้น ยิ่งถ้าคนไหนไม่ชอบใช้ครีมกันแดดนะ กว่าจะรู้ตัว กระ ฝ้า จุดด่างดำ ก็ขึ้นมาทักทายหน้าเราเต็มไปหมดแล้ว

สัญญาณที่ 4 ผิวไม่เนียนเรียบ สาวๆ หลายคนอาจมองว่า โอ๊ย ไม่เป็นไรหรอก แค่โบ๊ะแป้งก็เอาอยู่แล้ว อ๊ะ อ๊ะ จะทำเฉยแบบนั้นไม่ได้นะคะ ระวัง! ปัญหารูขุมขนใหญ่จะตามมาพร้อมกับผิวหยาบกร้านนะค้าา ไหนจะฝ้า กระ จุดด่างดำ ภายใต้ผิวที่ยังไม่แสดงให้เราเห็นอีก โอ้ย! กลุ้มจ๊ะ

สัญญาณที่ 5 จุดด่างดำ ฝ้า กระ พวกนี้จะเริ่มแสดงให้เห็นบนผิวโดยเฉพาะบริเวณใบหน้าที่โดนแสงแดดบ่อยๆ นี่สังเกตง่ายมาก เช่น ช่วงโหนกแก้ม ยิ่งถ้าคุณเป็นคนที่ต้องทำงานกลางแจ้ง โดนแดดหรือไม่ชอบทาครีมกันแดดเป็นประจำล่ะก็ ระวังนะ ฝ้า กระ จะตามมาเซอไพรซ์แบบไม่นัดหมายกันแน่นอนค่ะ อีกอย่าง ลองนึกย้อนไปตอนวัยใสๆ ดูสิว่าเคยเป็นสิวแล้วรอยจากสิวหายไวแค่ไหน พอยิ่งอายุผิวมากขึ้น เป็นสิวหายแล้วก็จริงแต่ทิ้งจุดด่างดำไว้บนใบหน้า นานเลยค่ะซิสกว่าจะหาย

สัญญาณที่ 6 สีผิวไม่สม่ำเสมอ เพราะรอยดำจากสิว ฝ้า กระ ที่ใช้เวลานานกว่าจะฟื้นฟู ทำให้สีผิวบนใบหน้าไม่สม่ำเสมอ จนสาวๆ เราต้องเพิ่มขั้นตอนในการแต่งหน้าเพื่อปกปิดริ้วรอยเหล่านี้ ทั้งรองพื้นเอย คอนซิลเลอร์เอย โปะกันไปมาให้วุ่นเลยค่า ซึ่งเดิมทีพวกฝ้า กระ จุดด่างดำเหล่านี้จะขึ้นเป็นจุดเล็กๆ บางๆ กระจายตัว แต่นี่จะยิ่งเพิ่มความถี่และขยายวงกว้างขึ้น รู้ตัวอีกที แค่ส่องกระจกฝ้า กระ จุดด่างดำ ก็โผล่หน้ามาแย่งซีนผิวเราซะหมดแล้ว เฮ้อ!

สัญญาณที่ 7 ริ้วรอย และรอยเหี่ยวย่น คนส่วนใหญ่กว่าจะรู้ตัวว่าผิวไม่ไหวแล้ววว ก็มักจะต้องให้ถึงข้อนี้ก่อนทั้งนั้นค่ะ จุดที่เช็คความแก่ได้ง่ายสุดเลยคือริ้วรอยรอบดวงตา หรือที่เรียกกันแบบน่ารักๆ ว่า ‘รอยตีนกา’ นั่นเองค่ะซิส ยิ่งเวลาแสดงสีหน้า อารมณ์ต่างๆ จากริ้วรอยบางๆ ในตอนวัยรุ่น นับวันก็จะยิ่งเห็นชัดขึ้นๆ ลึกขึ้นเรื่อยๆ จนสาวๆ บางคนถึงกับต้องพยายามตีหน้านิ่ง หน้าตึงกันใหญ่ทั้งๆที่อยากจะยิ้มใจจะขาด (ก็เข้าใจและรู้กันนะคะ) ในระดับสัญญาณที่ 7 นี้ ฝ้า กระ ก็จะใจร้ายกับผิวเราด้วยการทำตัวเด่นชัดขึ้น จุดใหญ่ขึ้น ลึกขึ้น และหนาขึ้นได้อีก

สัญญาณที่ 8 ผิวหย่อนย้อยย้วยยาน แหม ก็เราอุตส่าห์มั่นใจแล้วนี่นะว่าหน้า V-shape ตั้งแต่เกิด เจอเพื่อนอีกที ไหงมาทักกันว่า U-shape ซะงั้น โอ๊ย! มันเสียเซลฟ์อะ ดูสิ ไหนจะหนังตา หางตาก็เริ่มตก แก้มกับคางก็จะพากันหย่อนย้อยไปไหนเนี่ยคะ ในระยะนี้ จากเดิมที่ฝ้า กระ ขึ้นเป็นจุดๆ ก็จะเริ่มสามัคคีอยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ เหมือนผิวไหม้วงใหญ่ นั่นคือฝ้า กระ ที่ขึ้นเยอะมากจนเรามองเห็นเป็นแผ่นๆ วงใหญ่ๆ เลย

เมื่อรู้แบบนี้แล้วก็อย่ารอให้ถึงสัญญาณที่ 8 เลยนะคะทุกคน เพราะยิ่งนานวันเข้า ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ ก็ยิ่งสะสมและต้องใช้เวลารักษานานมากขึ้นด้วย จากหน้าปังเดี๋ยวจะกลายเป็นหน้าพังไม่รู้ตัวนะคะขอบอก

สาเหตุและปัจจัยที่กระตุ้นให้ผิวหน้าแก่ไม่เกรงใจอายุกันเล้ย

หากเรายิ่งเข้าใจสาเหตุและปัจจัยกระตุ้นให้ผิวหน้าเกิดความชรา ฝ้า กระ จุดด่างดำ เหล่านี้ ก็จะช่วยให้เรารู้จักหลีกเลี่ยง ป้องกัน แก้ไขปัญหาฝ้า กระ ริ้วรอย และจุดด่างดำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีก

สาเหตุของความชราของผิว และฝ้า กระ จุดด่างดำ สามารถแบ่งเป็น 2 ปัจจัยด้วยกันคือ

1.ความชราของผิว และ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่เกิดจากปัจจัยภายใน

สาเหตุของปัจจัยภายใน เป็นกระบวนการตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นช้าๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยกระบวนการนี้มักเริ่มขึ้นตอนเราอายุ 25 ปี โดยเราจะไม่สังเกตเห็นความชราของผิวจากการเปลี่ยนแปลงโดยปัจจัยภายในง่ายๆ กว่าจะเห็นชัดก็ต้องผ่านไปเป็นเวลาสิบๆ ปีเลยทีเดียว

การเปลี่ยนแปลงปัจจัยภายใน เช่น ผิวแห้ง การเกิดริ้วรอยบางๆ กระ ฝ้า จากกรรมพันธุ์ หรือการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน ความเครียด และการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย ส่งผลโดยตรงต่อโครงสร้างของเซลล์ผิว ทำให้ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง (subcutaneous fat) ลดลง ทำให้ผิวของเราผลัดเซลล์ผิวได้ช้า มีสีผิวไม่สม่ำเสมอเพราะจุดด่างดำ ผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส การสร้างคอลลาเจน อิลาสติน และไกลโคสะมิโนไกลแคนที่ช่วยรักษาความเต่งตึงของผิวก็แย่ลง บวกกับการถูกทำลายด้วยอนุมูลอิสระ ส่งผลให้ผิวเกิดริ้วรอยร่องลึก ฝ้า กระ และจุดด่างดำตามมานั่นเอง

2.ความชราของผิว และ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่เกิดจากปัจจัยภายนอก

2.1.แสงแดด

จากการศึกษาพบว่า 80% ของริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้าเกิดจากการสัมผัสแสงแดดที่เรียกว่า Photoaging ยิ่งแสงแดดเมืองไทยที่ทำร้ายผิวเราทุกวันขนาดนี้ ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น หยาบแห้ง มีเม็ดสีผิดปกติ ทำให้ผิวหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส เกิดเป็นกระ ฝ้า ริ้วรอยร่องลึก จากการที่คอลลาเจน อิลาสติน และไกลโคสะมิโนไกลแคนถูกทำลายไป ซึ่งปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส ไหนจะเรื่องกระ ฝ้า อีก จัดว่าเป็นปัญหาใหญ่กวนใจสาวๆ ทุกยุคสมัย

2.2.มลภาวะต่างๆ

มลภาวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นควันบุหรี่ ควันท่อไอเสียรถ ควันจากโรงงาน ล่วนก่อให้เกิดอนุมูลอิสระสะสม ซึ่งเป็นสาเหตุของฝ้า กระ และริ้วรอยบนผิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวๆ ในเมืองใหญ่ที่ต้องเจอกับมลภาวะเหล่านี้ทุกวัน นับว่ามีความเสี่ยงในการเกิดฝ้า กระ ริ้วรอยบนผิวมากขึ้นด้วย

2.3.การใช้ชีวิตประจำวัน

สำหรับบางท่านที่มีพฤติกรรมทำลายสุขภาพกายและผิว เช่น ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ การทานอาหารประเภทน้ำตาลมากเกินไป ซึ่งน้ำตาลจะส่งผลไม่ดีโดยตรงกับคอลลาเจน อิลาสติน และไกลโคสะมิโนไกลแคน ความเต่งตึงชุ่มชื่นของผิวและโครงสร้างของเซลล์ผิวจึงถูกทำลายโดยตรง ทำให้เกิดริ้วรอย ความหย่อนคล้อย กระ ฝ้า จุดด่างดำ ได้ในที่สุด

เห็นกันแล้วว่าสาเหตุและปัจจัยกระตุ้นความชราของผิวมีทั้งสิ่งที่เราเหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือปัจจัยภายในเซลล์ผิวของเราเองที่เสื่อมสภาพตามกาลเวลา และปัจจัยกระตุ้นภายนอกนั้นเราสามารถหาทางป้องกันได้หลายวิธี เอาล่ะ เรามาทำความรู้จักกับวิธีป้องกันการเกิดริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ และรักษาความกระจ่างใสให้ผิวหน้าดูอ่อนกว่าวัยกันดีกว่า

4 วิธีชะลอความชราของผิว เพื่อให้ผิวอ่อนกว่าวัย

เรามีวิธียับยั้งความชราของผิวมาฝาก เพื่อความอ่อนเยาว์ กระจ่างใส ถ้าไม่อยากให้ฝ้า กระ จุดด่างดำมากวนใจ มีหลักปฏิบัติง่ายๆ เพียง 4 ข้อนี้จำให้ขึ้นใจและทำเป็นประจำ รับรองว่าไม่ยากเลยค่ะซิส

1.ป้องกันแสงแดด แสงแดด แม้สาวๆ หลายคนบอกว่า ‘’ฉันไม่ไหวแล้วกับแดดเมืองไทย’’ แต่เราจะยอมแพ้ไม่ได้นะ เพราะนี่คือศัตรูอันดับ 1 ของผิว มาค่ะ ต้องสู้! เพื่อผิวสวยของเราค่ะซิส ด้วยผลิตภัณฑ์กันแดด ที่ปกป้องได้ทั้งรังสี UVA และ UVB อย่างมีประสิทธิภาพ รับรองช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดฝ้า กระแดด และความชราของผิวได้ดีสุดๆ เลยค่า

2.ทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์ เลือกทานอาหารที่ดีก็เหมือนเลือกยาอายุวัฒนะให้ผิว เอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงก่อนเลยเพราะทำร้ายผิวเรา ได้แก่ อาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล แอลกอฮอล์ เพราะเป็นตัวกำเนิดอนุมูลอิสระที่ทำลายโครงสร้างเซลล์ผิวโดยตรง ดังนั้น เพื่อผิวสาวๆ ขาวกระจ่างใส เราขอแนะนำเป็นผักและผลไม้ที่ต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี เช่น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ กีวี จะดีกว่านะคะซิส

3.อารมณ์ ใช่ว่าอารมณ์จะไม่สำคัญนะ ถ้าเรามีอารมณ์และจิตใจที่ดีก็จะไม่มีความตึงเครียดๆ เพราะเรื่องเครียดๆ นี่คือตัวการสร้างอนุมูลอิสระของร่างกาย นึกดูสิ ช่วงที่คุณเครียดๆทำไมมีแต่คนทักว่า หน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แถมเวลาเครียดอารม์ไม่ดี หน้าก็นิ่วคิ้วขมวดไม่รู้ตัว ริ้วรอยจะขึ้นเอาๆ ได้ง่ายๆ ค่ะ

4.ออกกำลังกาย การออกกำลังกายช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น สังเกตไหมคะว่าทำไมคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำทำไมผิวพรรณถึงดูดีมีออร่าจังเลย เพราะร่างกายได้หลั่งฮอร์โมนที่ช่วยเรื่องผิวพรรณมากขึ้นนั่นเอง เซลล์ผิวก็เลยสะท้อนความกระจ่างสออกมาจากข้างในจนผิวใสปิ๊งวิ๊งวับเลย

เพียงวิธีง่ายๆ เหล่านี้ก็ช่วยให้คุณป้องกันความชราให้ผิวได้เป็นอย่างดีแล้วล่ะ แต่เดี๋ยวก่อน สำหรับคนที่อยากจะบอกว่า “มันไม่ทันแล้วว กรี๊ด!” ไม่เป็นไรค่ะซิส เรามีอีกวิธีที่ช่วยยืดอายุของผิวให้กลับมาดูอ่อนวัย กระจ่างใส ไร้จุดด่างดำ กระ ฝ้า นั่นคือ ‘Derma Light’ คำตอบของปัญหาผิวหน้า ฝ้า กระ จุดด่างดำ ดังนิยามที่ว่า “Derma light and Sign of Aging”

Derma Light คืออะไร?

Derma Light คือเลเซอร์รุ่นใหม่ ที่พัฒนาขึ้นสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องฝ้า กระ จุดด่างดำ เป็นลำแสงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีหลายความยาวคลื่นแสง การส่งคลื่นแสงหลายระดับนี้ช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลากหลายยิ่งขึ้น  ไม่ว่าจะเป็นฝ้า กระ จุดด่างดำ นวัตกรรมใหม่ของบริษัท HOYA ConBio® จากสหรัฐอเมริกา ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเลเซอร์ในแวดวงความงาม

Derma Light รักษาปัญหาผิว และฝ้า กระ จุดด่างดำ ได้อย่างไร?

หลักการทำงานของ Derma Light คือปล่อยคลื่นแสงความยาวที่เหมาะสมโดยอาศัยหลักการของ Selective Photothermolysis คือการใช้ความร้อน การเปลี่ยนแปลงปฏิกิริยาเคมีและพลังคลื่นเสียง (Acoustic Shockwave) ทำลายเม็ดสีเป้าหมายที่รวมตัวกันหนาแน่นใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ฝ้า กระ จุดด่างดำ กระจายแตกตัวออก โดย ฝ้า กระ ที่รวมตัวกันเป็นแผ่นซ้อนกันอยู่หนาแน่น จะถูกลำแสง Derma Light ทำลายให้มีขนาดเล็กลง หลังจากการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำด้วย Derma Light เซลล์เม็ดเลือดขาวจะเข้ามาย่อยสลายทำลายเซลล์เม็ดสี กระ ฝ้า ที่ผิดปกติเหล่านั้นให้หมดจากร่างกาย และเมื่อถึงเวลาผลัดเซลล์ผิว จะสังเกตได้ว่า จุดด่างดำ กระ ฝ้า เหล่านั้นจะจางลงอย่างเห็นได้ชัดภายใน 7-10 วันหลังรักษาทันที

จุดเด่นของ Derma Light ในการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ

ด้วยเทคนิคเฉพาะตัวที่มีชื่อว่า PhotoAcoustic Technology Pulse (PTP) ซึ่งเป็น

การใช้พลังงานจากแสง (Photo Energy) พลังงานสูงมาผสานกับพลังงานสะท้อนของคลื่นเสียง (Acoustic Energy) ทำให้ช่วงคลื่นนี้สามารถทะลุลงไปได้ลึกและถูกดูดซับโดยเนื้อเยื่อบริเวณชั้นหนังแท้ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ได้ ทำให้ Derma Light สามารถลดเลือนริ้วรอยและแผลเป็นได้ผ่าน 2 กลไกหลักได้แก่ พลังงานจากเลเซอร์ถูกดูดซับด้วยคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ ทำให้เกิดพลังงานความร้อนบริเวณนั้น และความร้อนที่เกิดขึ้นไปกระตุ้น Fibroblast ให้มีการสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้พลังงานจากเลเซอร์ยังมีผลกระทบต่อหลอดเลือดในชั้นผิวหนัง ทำให้ Endothelial Cell เกิดการหลั่งสารต่างๆออกมากระตุ้น Fibroblast ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนมากยิ่งขึ้น นับว่าเป็นนวัตกรรมเลเซอร์ด้านความงามที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

จากหลักการทำงานและเทคโนโลยีเฉพาะตัวของ Derma Light จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไม Derma Light จึงตอบได้ทุกโจทย์ปัญหาเรื่องผิวที่ร่วงโรยได้หมด ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ผิวกระจ่างใส ไร้ฝ้า กระ จุดด่างดำ ลบเลือนริ้วรอย

สิ่งที่ทำให้ Derma Light แตกต่างจากการเลเซอร์ทั่วไป

1.Derma Light สามารถปล่อยคลื่นแสงพลังงานสูง จึงใช้เวลาในการยิงสั้นเพียง 5 Nanosec ทำให้การรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำของ Derma Light ใช้เวลาน้อยกว่าเลเซอร์อื่นๆ ส่งผลให้ผิวสัมผัสกับคลื่นแสงในปริมาณที่พอเหมาะไม่นานเกินไปจน ทำให้เซลล์ผิวบริเวณใกล้เคียงไม่ถูกเลเซอร์ทำลายไปด้วย

2.Derma Light สามารถปล่อยคลื่นแสงได้มากถึง 2 ช่วง คือคลื่นแสงที่มีความเฉพาะกับเม็ดสีนั้นๆ เช่น รอยแดงจากสิว หรือแผล และคลื่นแสงที่เหมาะกับเม็ดสีสีดำ  เช่น ฝ้า กระ ดังนั้นผลการรักษารอยแดงและรอยดำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ จึงได้ผลที่ดีกว่า เพราะใช้คลื่นแสงที่มีความเหมาะกับเม็ดสีนั้นๆ

3.Derma Light ใช้กับ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ได้ทั้งขนาดเล็กหรือใหญ่ บริเวณกว้างหรือแคบได้ เพราะหัวเลเซอร์มีขนาดตั้งแต่ 2-8 มิลลิเมตร แก้ปัญหาได้หมดไม่ว่าจะเป็นบริเวณที่เล็กๆ จนถึงบริเวณใหญ่ๆ

4.Derma Light มี Peak Power สูงถึง 1600 mj ซึ่งมากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับเลเซอร์ที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน  ทำให้การรักษาได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ

5.Derma Light เป็นเลเซอร์ที่มีความเสถียรสูง สามารถปรับพลังงานให้เหมาะสมกับปัญหาและสภาพผิวของผู้ใช้บริการ โดยที่พลังงานสม่ำเสมอและยังคงประสิทธิภาพไว้ด้วย

6.Derma Light ใช้ได้กับทุกส่วนของร่างกาย และใช้เวลาไม่นาน ต่างจากเลเซอร์รุ่นก่อนๆ ที่ใช้งานได้เฉพาะจุด ทำให้ใช้เวลาในการยิงเลเซอร์ค่อนข้างนาน

ข้อดีของ Derma Light เมื่อเทียบกับเลเซอร์รุ่นเก่า

หากเปรียบเทียบ Derma Light ในการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ กับเลเซอร์รุ่นเก่า ซึ่งเป็นแบบ Photothermal Effect คือการสะสมความร้อนที่ผิวสูงจากการปล่อยคลื่นแสงยาวกว่าทำให้เลเซอร์รุ่นเก่ามีผลข้างเคียงต่อผิวมากกว่าโดยเฉพาะผิวคนเอเชีย จนเกิดรอยดำที่มีชื่อว่า Post Inflammatory Hyperpigmentation (PIH) หลังการรักษาได้ แต่ Derma Light จะมีเทคนิคเฉพาะที่ชื่อว่า PhotoAcoustic Technology Pulse (PTP) คือการปล่อยคลื่นแสงมีค่าพลังงานมากขึ้น ในการยิงเพียงสั้นๆ สามารถแบ่งพลังงานออกเป็น 2 ช่วง และมีความจำเพาะต่อการรักษา ฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่แม่นยำขึ้น ผิวหนังจึงได้รับความร้อนในปริมาณที่เหมาะสมทำให้เกิดอาการข้างเคียง PIH น้อยกว่า เหมาะกับทุกสภาพสีผิว ลดความเจ็บปวดขณะที่ได้รับการรักษา อีกทั้ง Derma LIght ยังสามารถรักษารอยดำ PIH ได้ จึงเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการรักษาที่มากกว่าเลเซอร์รุ่นเก่า

Derma Light รักษาปัญหาผิวอะไรได้บ้าง?

คุณสมบัติโดดเด่นของ Derma Light เมื่อเทียบกับเลเซอร์รุ่นก่อน คือ สามารถรักษาโรคที่เกิดจากเม็ดสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นรอยดำ ฝ้า กระ หรือปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ โดย Derma Light ได้รับการรับรองด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยจาก US FDA และมีข้อบ่งใช้สำหรับการรักษาปัญหาผิวที่เกิดจากความผิดปกติของเม็ดสี ปัญหาผิวที่ Derma Light สามารถรักษาได้ด้วยคุณสมบัติพิเศษต่างจากเลเซอร์อื่นในเรื่องของการกำจัดเม็ดสีซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญในการรักษาปัญหาผิว ได้แก่

1.กระ ฝ้า ทั้งแบบตื้นและแบบลึก (Epidermal and dermal melasma)

2.รอยดำ Post Inflammatory Hyperpigmentation (PIH) ที่เกิดหลังการรักษาด้วยเลเซอร์

3.ปาน Nevus of Ota และปานชนิดต่างๆ

4.ผื่นสีน้ำตาล (Cafe’ -au-lait macule) กระ (ephelids) ขี้แมลงวัน (lentigines)

5.กระลึก

6.รอยดำส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น รอยดำคล้ำรอบดวงตา ซอกรักแร้ หรือซอกขาหนีบ เป็นต้น

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการใช้ Derma Light

จากหลักการทำงานของ Derma Light ในการทำลายเม็ดสีเฉพาะด้วยคลื่นแสงพลังงานสูงในระยะเวลาสั้น ทำให้เม็ดสีถูกทำลายได้ค่อนข้างไว ไม่ว่าจะเป็น ฝ้า กระ จุดด่างดำ บางกรณีหลังจากยิงเม็ดสีแล้ว อาจทำให้เม็ดสีเมลานินไม่ทำงานจนเกิดเป็นรอยด่างขาว ซึ่งอาจเป็นเพียงชั่วคราวหรือถาวรก็ได้ หรือในบางท่านหลังจากยิงเม็ดสีแล้วเกิดรอยดำ ซึ่งผลข้างเคียงเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน และความชำนาญ ประสบการณ์ ของแพทย์ผู้ทำการรักษา

การเตรียมด้วยก่อนเข้ารับการรักษาด้วย Derma Light

ก่อนเข้ารับการรักษาด้วย Derma Light ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์การรักษาด้วย Derma Light เพื่อให้แพทย์ตรวจสอบสภาพผิวบริเวณที่มีปัญหา จุดด่างดำ กระ ฝ้า ริ้วรอย นอกจากนั้นท่านสามารถใช้ชีวิตประจำวันต่างได้ตามปกติ

หลังเข้ารับการรักษาด้วย Derma Light จะปฏิบัติตัวอย่างไรดี?

• สามารถแต่งหน้าได้ทันที บางรายผิวอาจเป็นสีชมพู รอยแดง ซึ่งจะหายเองภายใน 24 ชั่วโมง

• สามารถทำความสะอาดใบหน้าด้วยการล้างหน้าได้ตามปกติ แต่หลีกเลี่ยงการขัดถูผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์

• ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดอย่างน้อย 5-7 วัน หลังจากทำการรักษา และควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดเป็นประจำ เพื่อป้องกันการกลับมาของ ฝ้า กระ หรือรอยดำจากแสงแดดได้ในภายหลัง

• บริเวณที่ได้รับการรักษา หากมีอาการตกสะเก็ด ห้ามเกะหรือเกา และไม่ควรโดนน้ำอย่างน้อย 24 ชั่วโมง

เพราะปัญหาผิวพรรณและความงามทั่วเรือนร่างเป็นสิ่งสำคัญ ปรึกษา Sinota Clinic เพื่อมาร่วมเติมแต่งเอกลักษณ์ความงามของคุณให้เป็นที่จดจำ

สถานที่ให้บริการ

982/22 อาคารศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย ชั้น 5 โซนสำนักงาน ห้องเลขที่ 5111-5112 ถ.สุขุมวิท พระโขนง คลองเตย กทม.10110

โทร : 064-239-3291 (HOTLINE : 24 Hr.)

อีเมล์ : info@sinotaclinic.com

เวลาทำการ : ทุกวัน 10.00 – 19.00 น.