อายุ 25 หน้าแก่ เพราะคอลลาเจนลดลง จริงไหม ?


คอลลาเจน คืออะไร

ประโยชน์ของคอลลาเจน

หลายคนมองหาวิธีการเติมคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกาย และอาจเกิดความสงสัยว่าถ้ากินคอลลาเจนไปแล้วจะส่งผลดีอย่างไร ซึ่งมีหลายงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับคอลลาเจนแสดงให้เห็นว่าคอลลาเจนมีประโยชน์ ดังนี้

  1. ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ความชุ่มชื้น ความอิ่มฟู และลดความหยาบกร้านของผิว
  2. ช่วยทำให้ริ้วรอยดูจางลง
  3. ลดการเปราะบางของเล็บ
  4. ช่วยชะลอการสลายของมวลกระดูก
  5. ช่วยเรื่องสุขภาพของข้อต่อในกลุ่มผู้สูงอายุ เช่น ลดอาการปวดข้อต่อ เป็นต้น

อายุ 25 เพราะคอลลาเจนลดลง จริงไหม

โดยปกติแล้วร่างกายมนุษย์สามารถสร้างคอลลาเจนขึ้นเองได้ตามธรรมชาติและจะสร้างได้มากในวัยเด็ก แต่เมื่ออายุมากขึ้น ความสามารถในการผลิตคอลลาเจนก็จะลดลง โดยในช่วงอายุ 20 ปี ร่างกายจะมีคอลลาเจนถึง 75% และจะค่อย ๆ สูญเสียคอลลาเจนไปตามอายุที่เพิ่มขึ้น เฉลี่ยปีละ 1-1.5% ทำให้ผิวที่เคยกระชับเกิดความหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอย และหมองคล้ำ

ความกลัวที่ตามมาเมื่อคอลลาเจนลดลงนั่นคือ “หน้าแก่” เพราะเมื่ออายุ 30 ปีขึ้นไป คอลลาเจนจะลดลง เหลือเพียง 20-30% และจะลดลงทุกปีที่อายุเรามากขึ้น


วิธีช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน

เราสามารถเลือกการกินอาหารที่ช่วยชะลอการสลายและมีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนให้เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย และนี่คือเทคนิคที่จะช่วยให้คอลลาเจนในร่างกายอยู่กับเราไปนาน ๆ

  1. กินโปรตีนต่อวันต้องเพียงพอ ทำให้สร้างคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่ อย่างที่ทราบกันแล้วว่าคอลลาเจนคือ โปรตีนชนิดหนึ่ง ดังนั้นการกินโปรตีนจากเนื้อสัตว์ นม ไข่ หรือ ธัญพืชต่าง ๆ ให้เพียงพอความต้องการต่อวัน หรือ 1 – 1.2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม การกินโปรตีนที่เพียงพอ ร่างกายจะย่อยเป็นกรดอะมิโนเพื่อนำไปสร้างเป็นคอลลาเจนไปใช้ประโยชน์ต่อสภาพผิว ข้อเข่า หรือมวลกระดูก นอกเหนือจากการนำไปปรับสมดุลของโปรตีนในร่างกายนั่นเอง
  2. กินอาหารที่มีวิตามิน ซี เพราะวิตามิน ซี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญที่ช่วยชะลอการสลายของคอลลาเจน โดยแหล่งของวิตามิน ซี คือ ผักและผลไม้ต่าง ๆ เช่น ฝรั่ง ผักคะน้า บรอกโคลี สตรอเบอร์รี่ ส้ม แอปเปิ้ลแดง มะนาว เบอร์รีชนิดต่าง ๆ เป็นต้น
  3. กินอาหารที่มีวิตามิน เอ เพราะวิตามิน เอ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินของร่างกาย ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง โดยแหล่งอาหารที่มีวิตามิน เอ ได้แก่ เนื้อสัตว์ ไข่ นม ผักที่มีสีเขียวเข้มและสีเหลืองส้ม เช่น ตำลึง ผักบุ้ง แครอท มะละกอสุก เป็นต้น
  4. กินอาหารที่มีวิตามิน อี เพราะวิตามิน อี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำงานคู่กับวิตามิน ซี โดยแหล่งของวิตามิน อี คือ น้ำมันพืชต่าง ๆ เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง เป็นต้น
  5. หลีกเลี่ยงอาหารรสหวาน เพราะน้ำตาลจะทำให้เกิดกระบวนการไกลเคชัน (glycation) ที่จะส่งผลให้คอลลาเจนเสียรูปร่างและไม่ยืดหยุ่นแบบที่ควรเป็น
  6. ดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 8 – 10 แก้ว หรือ 2 ลิตรต่อวัน น้ำเปล่าเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยสร้างคอลลาเจนในร่างกาย หากดื่มน้ำไม่พอการสร้างคอลลาเจนก็จะลดลงไปด้วย

เพราะปัญหาผิวพรรณและความงามทั่วเรือนร่างเป็นสิ่งสำคัญ ปรึกษา Sinota Clinic เพื่อมาร่วมเติมแต่งเอกลักษณ์ความงามของคุณให้เป็นที่จดจำ

สถานที่ให้บริการ

LINE Sinota Clinic LINE ICON